PrEP ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Pre-Exposure Prophylaxis และ PEP ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Post-Exposure Prophylaxis ทั้ง PrEP และ PEP เป็นยาที่ใช้สำหรับป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับความเสี่ยงเมื่อสัมผัสเชื้อเอชไอวี PrEP เป็นยาที่รับประทานทุกวัน ในขณะที่ PEP เป็นยาที่ต้องจำกัดเวลาหลังจากสัมผัสเชื้อ โดยที่ยาเหล่านี้เมื่อรวมกับการปฏิบัติทางเพศอย่างปลอดภัย และการตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ มีบทบาทสำคัญในการลดการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี และส่งเสริมสุขภาพทางเพศโดยรวม
ทำความเข้าใจ PrEP และ PEP
PrEP เกี่ยวข้องกับการรับประทานยาต้านไวรัสทุกวัน เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวี ในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีคู่ผลเลือดต่าง คือ มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีเชื้อเอชไอวีและอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีเชื้อเอชไอวี หรือคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับคู่นอนหลายคน และผู้ที่ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นด้วยเข็มฉีดยา เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง PrEP สามารถลดโอกาสในการติดเชื้อเอชไอวีได้มากกว่า 90% เมื่อใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย
ในทางกลับกัน PEP เป็นสูตรยาที่ใช้หลังจากสัมผัสเชื้อ HIV เพื่อป้องกันเช่นกัน และควรเริ่มยา PEP ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใน 72 ชั่วโมง และไม่เกินช่วงเวลานี้ หลังจากได้รับความเสี่ยง PEP คือยาต้านไวรัสที่กินร่วมกันเป็นเวลา 28 วัน โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ใช้ยา PEP ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน กับคู่นอนที่ทราบว่าติดเชื้อ HIV หรือในกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์ได้รับบาดเจ็บจากเข็มฉีดยา การเริ่มต้นของ PEP ทันที จะเพิ่มประสิทธิภาพ ในการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี
เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้ว่ายาต้านไวรัสทั้งสองชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพมาก ในการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV แต่ก็ไม่สามารถให้การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ ดังนั้น ต้องมีการใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง และหมั่นตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยสูงสุด
ใครบ้าง? ที่ควรกินเพร็พ และเป๊ป
PrEP
- คนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- คนที่มีคู่รักผลเลือดต่าง
- ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
- คนที่มีอาชีพบริการทางเพศ
- คนที่มีเพศสัมพันธ์กันผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี
- คนที่เคยมีประวัติการใช้ยา PEP มาก่อน
- คนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
- คนที่ใช้เข็มฉีดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด
PEP
- คนที่เพิ่งมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อไวรัส HIV
- คนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน
- คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วถุงยางอนามัยแตก หลุด รั่ว
- คนที่มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนอื่น เพื่อเสพสารเสพติด
เจาะลึกการทำงานของ PrEP และ PEP
เพร็พและเป๊ป เป็นสองกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ในการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี นี่คือภาพรวมโดยย่อ:
PrEP
- PrEP เป็นยาที่ใช้รับประทานประจำวัน มียาต้านไวรัสที่สามารถลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ HIV ได้อย่างมาก
- PrEP มีไว้สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ผู้ที่มีคู่นอนที่ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ชอบสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- PrEP มีประสิทธิภาพสูง เมื่อรับประทานอย่างสม่ำเสมอ และตามที่แพทย์กำหนด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV ได้มากกว่า 90%
- การตรวจหาเชื้อเอชไอวีและการตรวจติดตามทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่จำเป็นในขณะที่ใช้ยา PrEP เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และตรวจหาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละบุคคล
PEP
- PEP เป็นการรักษาในระยะสั้นๆ หลังจากได้รับเชื้อ HIV เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันหรือการบาดเจ็บจากเข็มฉีดยา
- PEP ใช้เวลาในการรับประทาน 28 วัน โดยเริ่มให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ควรให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากได้รับเชื้อ
- PEP ทำงานโดยป้องกันไวรัสจากการติดเชื้อถาวรในร่างกาย สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์ทันทีหลังจากได้รับความเสี่ยงเพื่อประเมินความจำเป็นในการใช้ยา
- PEP จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเริ่มทันทีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตลอดการกินยา 28 วัน
ทั้งเพร็พและเป๊ปเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่เชื้อเอชไอวี PrEP ให้การป้องกันอย่างต่อเนื่องสำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง ในขณะที่ PEP เสนอทางเลือกแบบจำกัดเวลาสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อขอข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมและคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เพร็พและเป๊ปที่เหมาะสม
เพร็พและเป๊ปต้องกินอย่างไร?
PrEP
- กิน PrEP ต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 เม็ด
- กิน PrEP หลังเข้ารับการตรวจเลือดและปรึกษาแพทย์แล้ว
- กิน PrEP อย่างเคร่งครัด มีวินัย และไม่ขาดยา
- หากขาดยา ให้กินทันทีที่นึกขึ้นได้ ไม่ควรเบิ้ลการกินยา
- ไม่ควรหยุดกิน PrEP เองโดยไม่ทำการปรึกษาแพทย์ก่อน
PEP
- กิน PEP ทันทีหลังมีความเสี่ยงเอชไอวีไม่เกิน 72 ชั่วโมง
- กิน PEP ต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน อย่างตรงต่อเวลาและไม่ขาดยา
- กิน PEP หลังพบแพทย์และได้รับการจ่ายยาจากแพทย์เท่านั้น
- กิน PEP ครบแล้วให้กลับไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจเอชไอวีอีกครั้ง
อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โรคฝีมะม่วงจากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
อาการคันอวัยวะเพศชาย ปัญหาที่ผู้ชายไม่ควรมองข้าม
ทั้งนี้ เพร็พและเป๊ปไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมดได้ การให้ความสำคัญในเรื่องถุงยางอนามัยจะมีส่วนช่วยให้กิจกรรมทางเพศของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพร็พและเป๊ปไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา หรือร้านค้าออนไลน์ทั่วไป เนื่องด้วยที่กล่าวไปในเงื่อนไขของการกินยาเบื้องต้นว่า จะต้องเข้ารับการตรวจเลือดจากแพทย์เสียก่อน เพราะคนที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่แล้ว ไม่อาจใช้ยานี้ในการกำจัดเชื้อออกไปจากร่างกายได้ ยังส่งผลเสียให้ผู้ติดเชื้อคนนั้นดื้อต่อยาต้านไวรัส และทำให้การรักษาในอนาคตมีความยุ่งยากซับซ้อนอีกด้วย