“Safe Sex” คือการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โดยการใส่ ถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากเราใช้อย่างถูกวิธี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ในขณะที่ไม่พร้อม ปัจจุบันถุงยางอนามัยที่นิยมใช้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
- ถุงยางอนามัยที่ทำมาจากน้ำยางธรรมชาติ
- ข้อดีคือ ราคาถูก การสวมใส่กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)
- ถุงยางอนามัยชนิดที่ทำจาก Polyurethane
- ข้อดีคือ เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 0.1 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเสมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แต่ราคาอาจสูงกว่าแบบน้ำยางธรรมชาติ
ประเภทของถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยแบบมาตรฐาน
เป็นถุงยางอนามัยแบบพื้นฐานที่ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับคนทั่วไป เพียงแค่เลือกขนาดให้เหมาะกับขนาดของน้องชาย ซึ่งถุงยางอนามัยประเภทนี้จะแพร่หลาย หาซื้อง่าย และมีราคาถูกที่สุด เมื่อเทียบกับถุงยางอนามัยที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ
ถุงยางอนามัยแบบบาง
เป็นถุงยางอนามัยที่ถูกออกแบบมาให้มีความบางกว่าปกติ มีความบางหลายระดับ ทั้งบางน้อยและบางมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรู้สึกสัมผัสที่ใกล้ชิด คล้ายกับไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยผิวขรุขระ
สำหรับฝ่ายหญิงหรือฝ่ายรับที่อยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็มีถุงยางอนามัยแบบผิวขรุขระให้เป็นตัวเลือกใหม่ ซึ่งที่ผิวด้านนอกของถุงยางอนามัยจะมีปุ่มหรือขีดนูนขึ้นมา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากถุงยางอนามัยทั่วไปที่มีผิวเรียบปกติ
ถุงยางอนามัยแบบมีรสหรือกลิ่น
ใครที่สวมถุงยางอนามัยขณะทำออรัลเซ็กส์แล้วไม่ค่อยชอบรสและกลิ่นของถุงยาง ก็สามารถเลือกใช้ถุงยางอนามัยประเภทนี้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งจะมีให้เลือกหลากหลายรสและกลิ่น เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ช็อคโกแลต และอื่น ๆ
ถุงยางอนามัยผสมสารหล่อลื่น
ถุงยางอนามัยในปัจจุบันหลายรุ่นก็มักจะมีการผสมสารหล่อลื่นมาบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีแบบที่ผสมสารหล่อลื่นมาให้มากเป็นพิเศษอีกเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องซื้อเจลหล่อลื่นมาใช้เพิ่ม หรืออาจช่วยให้ต้องใช้เจลหล่อลื่นน้อยลงกว่าเดิม
ถุงยางอนามัยช่วยชะลอการหลั่ง
เป็นถุงยางอนามัยที่จะช่วยแก้ปัญหาหลั่งเร็ว ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยลดความรู้สึกไวในการสัมผัส อาจมาในรูปแบบของถุงยางอนามัยที่ผสมสารชะลอการหลั่ง หรือเป็นถุงยางที่มีความหนามากกว่าปกติ
ถุงยางอนามัยใช้อย่างไรให้ถูกต้อง
- สวมถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง และถูกวิธี
- เลือกขนาดถุงยางอนามัยให้เหมาะสม
- ตรวจสอบถุงยางอนามัยว่ามีการฉีกขาดหรือไม่
- ตรวจสอบวันหมดอายุของถุงยางอนามัย
- ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ ควรเปลี่ยนใหม่ทุกครั้ง
ถุงยางอนามัยแตก..สาเหตุมาจากอะไร ?
- ถุงยางแน่นไป ไม่พอดีกับขนาดองคชาต
- ถุงยางหมดอายุ
- ใช้สารหล่อลื่นที่ไม่เหมาะสม
- ลืมบีบกระเปาะของถุงยางก่อนใส่ ทำให้มีอากาศค้างที่กระเปาะ เมื่อมีการร่วมเพศจึงอาจเกิดการแตกได้
- ขณะใส่ถุงยาง เล็บอาจเผลอไปเกี่ยวจนรั่ว หรือ บางคู่ใช้ปากใส่ถุงยางให้คู่รัก อาจโดนฟันของอีกฝ่าย
- ตัดซองถุงยางด้วยกรรไกร ทำให้พลาดไปโดนถุงยางโดยไม่รู้ตัว
- เก็บถุงยางไว้ในกระเป๋าเงิน หรือถูกเก็บไว้ในที่ร้อน โดนแสงแดดเป็นเวลานาน
สวมถุงยางอนามัย 2 ชั้น ป้องกันได้ดีกว่าจริงไหม ?
ไม่จริง เนื่องจากถุงยางทำมาจากยาง เมื่อยางกับยางเสียดสีกันนาน จะทำให้แตกได้ง่ายกว่า ดังนั้นการใส่เพียงชั้นเดียวอย่างถูกวิธีทุกครั้งก็เพียงพอแล้วที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งการตั้งคครภ์ก่อนวัยอันควร
เลือกถุงยางอนามัยอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง ?
การเลือกขนาดถุงยางอนามัย ควรเลือกให้พอดี ไม่หลวม หรือคับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้ฉีกขาดง่าย หรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งขนาดของถุงยางจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ โดยวัดจากเส้นรอบวง ไม่ใช่ความยาว เพราะถุงยางอนามัยเกือบทุกยี่ห้อ จะทำความยาวมาเท่า ๆ กัน คือประมาณ 6-7 นิ้ว
ขนาดของถุงยางอนามัย
- ถุงยางอนามัย ขนาด 49 มิลลิเมตร : รอบวง11-12 เซนติเมตร/ประมาณ 4.5 นิ้ว
- ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร : รอบวง12-13 เซนติเมตร/ประมาณ 5 นิ้ว
- ถุงยางอนามัย ขนาด 54 มิลลิเมตร : รอบวง13-14 เซนติเมตร/ประมาณ 5.5 นิ้ว
- ถุงยางอนามัยขนาด 56 มิลลิเมตร : รอบวง14-15 เซนติเมตร/ประมาณ 6 นิ้ว
ใส่ถุงยางอนามัยอย่างไรให้ถูกวิธี
- ก่อนนำถุงยางอนามัยออกจากซองให้รีดถุงยางอนามัยไปไว้ที่มุมใดมุมหนึ่ง ฉีกซองอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เล็บมือหรือซองเกี่ยวถุงยางอนามัยเพราะอาจทำให้ถุงฉีกขาด
- หลังจากนำถุงยางอนามัยออกจากซองแล้ว ให้หันด้านที่มีกระเปราะไปด้านหน้า พร้อมกับให้รอยม้วนอยู่ด้านนอก ก่อนจะวางถุงยางอนามัยลงบนปลายอวัยวะเพศที่แข็งตัว
- ใช้มือข้างหนึ่งบีบปลายกระเปราะเพื่อไล่อากาศ ป้องกันการแตกหรือรั่วซึมระหว่างกิจกรรม ก่อนจะใช้อีกมือรูดถุงยางอนามัยเข้าหาตัวจนสุดโคนอวัยวะเพศ เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- หากใช้ถุงยางอนามัยแล้วรู้สึกฝืด ให้หยดสารหล่อลื่นหรือเจลชนิดละลายในน้ำ บริเวณด้านนอกถุงยางอนามัย จะช่วยให้ราบรื่นขึ้น
ถอดถุงยางอนามัยอย่างไรให้ถูกวิธี
- หลังเสร็จสิ้นการมีเพศสัมพันธ์ให้ดึงอวัยวะเพศออกทันทีและถอดถุงยางอนามัยออก ก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว
- ใช้กระดาษชำระพันโคนถุงยางอนามัยก่อนที่จะถอด หากไม่มีกระดาษชำระจะต้องระวังไม่ให้มือสัมผัสกับด้านนอกของถุงยางอนามัย เพราะอาจสัมผัสกับเชื้อโรคจากคู่นอนได้
- ควรห่อถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วให้มิดชิด แล้วทิ้งในถังขยะ
- ในกรณีที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ให้เปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ห้ามใช้ซ้ำ เพราะประสิทธิภาพและความทนทานของถุงยางอนามัยจะลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
“ก่อนที่จะมี Sex อย่าลืม Safe” เพราะความสนุกเพียงชั่วครู่ อาจทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็เป็นได้
ขอบคุณข้อมูล : samitivejhospitals, kapook, doctorraksa