ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) คือ โรคที่มีการติดเชื้อของตับจากเชื้อไวรัสตับชนิดบี มีผลให้เกิดอันตรายต่อตับและก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ตับแข็งและมะเร็งตับได้ ปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี ในประเทศไทย ประมาณร้อยละ 6-10 ของประชากรทั้งหมด
เนื้อหาสำคัญ
อาการของไวรัสตับอักเสบบี
ระยะเฉียบพลัน
ผู้ป่วยจะเริ่ม มีอาการภายใน 1-4 เดือน หลังติดเชื้อ ซึ่งจะมีอาการดังนี้อาการไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสียและอาเจียน อ่อนเพลีย ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากการที่เซลล์ตับถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน
ระยะเรื้อรัง
- พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่ สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ
ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อกันทางไหน ?
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- การติดต่อจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสสู่ทารกในครรภ์
- การติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่งที่ออกมาจากร่างกาย
- การใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน การเจาะ การสัก
ภาวะแทรกซ้อนไวรัสตับอักเสบบี
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของไวรัสตับอีกเสบบี จะเกิดในระยะเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ เช่น โรคตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับ ซึ่งโรคเหล่านี้เกิดจากการที่เซลล์ตับค่อย ๆ ถูกทำลายลงไป หรือจนตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ใครบ้างที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
- ทารกแรกเกิดทุกราย
- ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง
- ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี
- ผู้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อย ๆ
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
วิธีป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย(สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง)
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทานอาหารที่มีประโยชน์
- ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบบี หากร่างกายยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
- ตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรตรวจเช็คตับปีละ 1 ครั้ง
การรักษาไวรัสตับอักเสบบี
- การรักษาไวรัสตับอักเสบบีระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยสามารถหายจากโรคนี้ได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ดังนั้นผู้ป่วยจึงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลตนเอง เช่น อาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทานยาปฏิชีวนะ และทานยาแก้ปวดกรณีปวดท้อง
- การรักษาไวรัสตับอักเสบบีระยะเรื้อรัง ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และลดโอกาสแพร่เชื้อใส่ผู้อื่น โดยสามารถรักษาได้ด้วยการรับยาต้านไวรัสตามคำแนะนำจากแพทย์