อาการของการติดเชื้อ HIV จะมีความหลากหลายขึ้นกับระยะของโรค โดยแต่ละคนจะมีระยะเวลาและการแสดงอาการที่แตกต่างกัน โดยเรา มีการแบ่งอาการของโรคเอดส์แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
เนื้อหาสำคัญ
ระยะไม่ปรากฏอาการ
โดยเฉลี่ยประมาณ 5 – 7 ปี นับ ตั้งแต่ได้รับเชื้อเอชไอวี ซึ่งหากผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระบวนการรักษาเร็ว และมีการดูแลสุขภาพ ตนเองอย่างเหมาะสมและต่อเนื่องภายใต้การดูแลรักษาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ก็จะทำให้ระดับ ภูมิคุ้มกันในร่างกายยังคงอยู่ในระดับที่ดี และสามารถอยู่ในระยะไม่ปรากฏอาการได้นาน โดยยังไม่ จำเป็นต้องเริ่มการรักษาด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส
ระยะเริ่มปรากฏอาการ
ผู้ที่มีเชื้อ เอชไอวีจะเริ่มมีอาการจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ เมื่อร่างกายมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำลง ทำให้ร่างกาย อ่อนแอจนอาจติดโรคฉวยโอกาสได้ง่าย ซึ่งการเข้าสู่กระบวนการรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิต อยู่ได้อย่างปกติ แต่หากไม่รับการรักษา ร่างกายจะอ่อนแอลงจนเกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจาก โรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้
ระยะเอดส์เต็มขั้น หรือที่เรียกว่า ผู้ป่วยเอดส์
เป็นระยะที่ร่างกายมี ภูมิต้านทานลดลงมาก จนทำให้ติดโรคติดเชื้อฉวยโอกาส
ได้ง่าย และหากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย โรคฉวยโอกาสที่พบบ่อยๆ ได้แก่
- โรคติดเชื้อราชนิดแคนดิดา
- วัณโรค
- โรคปอดอักเสบหรือ ปอดบวมที่เกิดจากเชื้อพยาธิชื่อว่านิวโมซิส-ตีส-คารินิไอ (มีอาการเด่นคือ มีไข้ ไอ หายใจเหนื่อยหอบ)
- โรคติดเชื้อรา คริปโตคอคคัส ซึ่งทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ซึม และอาเจียน)
นอกจากนี้ยังมีเชื้อฉวยโอกาสอีกหลายชนิด เช่น เชื้อพยาธิที่ทำให้ท้องเสียเรื้อรัง และเชื้อ ซัยโตเมกาโลไวรัส (CMV) ที่จอตาซึ่งทำให้ตาบอด หรือที่ลำไส้ซึ่งทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย และถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น
หากคุณตรวจเอชไอวีแล้วพบว่าติดเชื้อ การได้รับการวินิจฉัยแต่เริ่มแรกทำให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองและคู่ครองรวมถึงคนอื่นที่คุณห่วงใย ถึงแม้ผลเลือดจะบ่งชี้ว่าคุณมีการติดเชื้อ การได้รู้ว่าตัวเองมีการติดเชื้อจะทำให้คุณสามารถดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม