ทำไมคนไทยใช้ถุงยางน้อยลง หรือคนไทยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ถุงยางอนามัยมีข้อดีเยอะมาก ถุงยาง (Condom) ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะผลิตจากยางธรรมชาติ (Latex) โพลียูรีเทน (Polyurethane) หรือลำไส้ของลูกแกะ (Lambskin) มีหลากหลายกลิ่น และสีสันมากมาย ให้เราสามารถเลือกใช้ได้ ตามต้องการ
- ช่วยคุมกำเนิด
สมัยก่อนนั้น การผลิตถุงยางมา ก็เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนเวลาอันควรนั่นเอง จึงเลือกใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิด เพราะสมัยนี้ต้องยอมรับว่า มีผู้ที่ใช้ชีวิตคู่แบบอยู่ก่อนแต่งและวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่ประหยัดและรวดเร็ว แบบว่าเจอกันปุ๊บ ติดใจ เดินเข้าร้าน 7-11 ก็สามารถซื้อถุงยางมาใช้ได้เลย - ป้องกันการติดเชื้อ
นอกจากจะมีประโยชน์ในการคุมกำเนิดแล้ว ถุงยางอนามัยก็ยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคจากคู่นอนได้ด้วย เพราะมีโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ STIs ได้มากมาย อาทิ โรคเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ หนองใน และ ซิฟิลิส ซึ่งพบกันมากในวัยรุ่นในปัจจุบัน และจำนวนมากขึ้นในกลุ่ม ชายรักชาย - ลดอาการเจ็บ ขณะมีเพศสัมพันธ์
โดยปกติแล้วถุงยางอนามัยส่วนใหญ่จะมีสารหล่อลื่น อยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้มีปริมาณซิลิโคน ออยล์อยู่ที่ 150-500 มิลลิกรัมต่อถุงยาง 1 ชิ้น จะเห็นได้ว่า หากมีเพศสัมพันธ์กัน ถุงยางยังช่วยลดอาการบาดเจ็บ และการฉีดขาดได้อีกด้วย - เพิ่มอรรถรสทางเพศ เปลี่ยนบรรยากาศ
ถุงยางอนามัยในร้านค้าในปัจจุบัน จะมีรูปแบบที่หลากหลาย นอกจากจะมีสี กลิ่นและรสให้เลือกตามรสนิยมของแต่ละคนแล้ว ก็ยังมีผิวสัมผัสที่หลากหลาย เพื่อเป็นลูกเล่นในการเพิ่มอรรถรสทางเพศให้กับคู่ของเราด้วย ทำให้เราสามารถสร้างบรรยากาศที่เราต้องการได้อีกด้วย - ไม่เลอะเทอะ
เหตุผลที่คู่รักหลายคู่ เลือกใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์ ก็เป็นเพราะช่วยให้ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเวลาที่ฝ่ายชายเกิดการหลั่งน้ำอสุจิออกมานั่นเองนั้นเอง สำหรับชายรักชายเองย่อมมีประโยชน์มากเช่นกัน เพราะถุงยางช่วยป้องกันสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
ว้าว ๆ จะเห็นแล้วว่า ถุงยางอนามัยมีประโยชน์มากขนาดนี้แล้ว ก็ต้องพกไว้ตลอดนะครับ และที่สำคัญต้องใช้ให้ถูกวิธี ยังต้องคำนึงถึงการเก็บถุงยางอนามัย เพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อสภาพของถุงยางอนามัย ควรเก็บเอาไว้ในที่แห้งและเย็นด้วย และหมั่นตรวจเอชไอวีเป็นประจำด้วยนะครับ